เคล็ด (ไม่) ลับ การลง skincare ตามแบบฉบับคนเกาหลีเพื่อผิวสุขภาพดี

หลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่าลำดับในการลงสกินแคร์นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เคยสังเกตุมั้ยคะว่าชาวเกาหลีคือผิวดีกันมากๆ ทั้งมีความฉ่ำวาว เรียบเนียน เปล่งปลั่ง ขาวใส เหมือนใส่ฟิลเตอร์จากแอพถ่ายรูปอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าจะว่าเข้าวัย 40+ กันแล้ว เพราะนอกจากจะมีพื้นเพของผิวพรรณที่ดีมาตั้งแต่เกิดแล้ว คนเกาหลียังค่อนข้างให้ความสำคัญและมีวินัยในเรื่องของขั้นตอนการบำรุงผิว และมีความละเอียดอ่อนในการเลือกสกินแคร์ที่ใช้ด้วย และชาวเกาหลีก็ไม่เน้นการลงครีมทั่วใบหน้าหนาๆ แต่จะลงแต่ละขั้นตอนแบบบางเบา รวมถึงมีการแบ่งแยกขั้นตอนที่แตกต่างกันระหว่างการบำรุงผิวในตอนกลางวัน และการบำรุงผิวในตอนกลางคืน เพราะสารในครีมบางตัวอาจจะทำงานได้ไม่เต็มที่หากใช้ผิดขั้นตอน หรือเรียงลำดับอย่างไม่มีประสิทธิภาพ วันนี้จะมาแชร์การบำรุงหน้าแบบฉบับชาวเกาหลีกัน รับรองว่าถ้าหากทำตามขั้นตอนเป็นประจำทุกวันจะมีผิวหน้าที่สวยไม่แพ้ชาวเกาหลีแน่นอน ถ้าพร้อมผิวดีแบบไม่ต้องสืบกันแล้วล่ะก็ ไปดูเคล็ด (ไม่) ลับกันเลยยย👇🏻

การบำรุงผิวช่วงกลางวัน ☀️

ในช่วงกลางวันเราจะเน้นการบำรุงที่บางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะและใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เยอะมาก แต่จะมาเน้นในส่วนของกันแดดเป็นพิเศษ เพราะแสงแดดถือเป็นตัวทำร้ายผิว โดยชาวเกาหลีก็จะมีการพกกันแดดไปเติมระหว่างวันด้วย

✨การทำความสะอาดผิวหน้า

Cleansing foam – โฟมล้างหน้าเป็นกุญแจสำคัญในขั้นตอนการทำความสะอาดผิวหน้าในช่วงเช้าเลยก็ว่าได้ ช่วยขจัดความมันส่วนเกินบนใบหน้า และละอองฝุ่นจากสิ่งของภายในห้องนอนด้วย นอกจากนั้นครีมบำรุงต่างๆ ที่เราบำรุงก่อนนอนอย่างเต็มที่แล้วนั้น ถ้าเราทิ้งไว้นานอาจจะทำให้เกิดการอุดตันจนเกิดสิวได้

✨การเตรียมผิวหน้า

Toner – ปรับสภาพผิวหลังจากเราล้างหน้าแล้ว สภาพผิวเราจะมีค่า pH เป็นด่างกว่าค่าปกติ อย่าเพิ่งใจร้อนรีบลงสกินแคร์หรือครีมต่างๆกันนะคะ เพราะอาจทำให้การลงครีมบำรุงขั้นต่อไปทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จึงต้องใช้โทนเนอร์เช็ดหรือตบลงบนใบหน้าก่อนเพื่อนที่จะปรับสภาพผิวให้มีค่า pH ที่เหมาะสมก่อน

Essence – ปรับสภาพผิวพร้อมบำรุง เอสเซนส์จะอยู่กึ่งกลางระหว่างการปรับสภาพผิวไปสู่การบำรุง ด้วยเนื้อสัมผัสที่บางเบาเหมือนน้ำ ลงที่ผิวบางๆ ไม่ต้องหนักแล้วตบเบาๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต แต่อุดมไปด้วยวิตามิน

✨ การปกป้องผิวจากแสงแดด

Sunscreen – เกราะป้องกันผิวจากแสงแดด ทำหน้าที่ปกป้องผิวจากรังสี UV ที่เป็นตัวการของปัญหาผิวหลายอย่าง ยิ่งเวลาต้องออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านขั้นตอนนี้ยิ่งจำเป็นใหญ่เลย ทั้งริ้วรอยแห่งวัย ฝ้า กระ และจุดด่างดำ ควรเลือกครีมกันแดดที่มีเนื้อสัมผัสเหมาะกับสภาพผิว ปกป้องทั้ง UVA และ UVB และเลือกสูตรที่มี SPF และ PA ควบคู่กันไปด้วย ชาวเกาหลีให้ความสำคัญกับการทาครีมกันแดดมากไม่ว่าจะวัยเด็ก วัยทำงาน หรือแม้กระทั่งอายุมากแล้วก็ยังเห็นความสำคัญของการทาครีมกันแดดอยู่ ถึงขั้นพกไปเติมนอกบ้านเลยทีเดียว ชาวเกาหลีจะทากันแดดทับเมคอัพซ้ำทุกๆ 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้ช่วยเพิ่มพลังในการกปป้องผิวจากแสงแดด

การบำรุงผิวช่วงกลางคืน 🌙

มาถึงช่วงเวลาที่ต้องการการบำรุงผิวแบบจัดหนักจัดเต็มแล้ว เพราะกลางคืนเป็นช่วงเวลาที่ผิวหน้าของเราเปิดรับการบำรุงได้อย่างเต็มที่ และฟื้นฟูผิวที่เหนื่อยล้ามาอย่างหนักในช่วงเวลากลางวัน ชาวเกาหลีมีขั้นตอนในการบำรุงถึง 12 ขั้นตอน และมาสก์หน้าทุกวัน เพราะเน้นความชุ่มชื้น และการเติมน้ำให้ผิวโดยเฉพาะ

✨การทำความสะอาดผิวหน้า

Makeup remover – ขั้นตอนนี้สำคัญมากเพราะการทำความสะอาดเครื่องสำอางให้สะอาดหมดจด เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ผิวสวย เพราะนอกจากสารเคมีในเครื่องสำอางแล้ว ยังมีทั้งฝุ่นและมลภาวะที่เราเผชิญมาทั้งวันอีกด้วย ถ้าเช็ดไม่สะอาดก็จะทำให้เกิดการอุดตันได้ง่ายๆ เคล็ดลับคือถ้าเราใช้ผลิตภัณฑ์เช็ดเครื่องสำอางแบบครีมที่แค่นวดๆแล้วล้างออก ก็จะทำให้ผิวหน้าไม่เป็นการรบกวนผิวหน้าจนเกิดริ้วรอยแห่งวัย ควรเช็ดให้สะอาดและใช้เวลากับขั้นตอนนี้นิดนึง เพราะให้มั่นใจว่าสะอาดแล้วจริงๆ

Cleansing foam – ไม่ใช่ว่าเช็ดหน้าด้วย Makeup Remover แล้วจะไม่ต้องล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้านะคะ ยังไงก็ห้ามข้ามขั้นตอนนี้ เพราะอาจจะยังมีสิ่งสกปรกที่ยังตกค้างอยู่ การล้างหน้าก็จะช่วยช่วยขจัดสิ่งสกปรกและความมันส่วนเกินบนใบหน้า โฟมล้างหน้าที่ดีจะไม่ทำให้ผิวเกิดการแห้งตึงหลังการล้างหน้าเพราะจะทำให้ผิวหน้าแห้งตึงจนเกินไป และขาดความสมดุลของผิว

✨การเตรียมผิวหน้า

Peeling – การผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ช่วยลดการอุดตันในรูขุมขนเพียงสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง หรือสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายบอบบางใช้เพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ชาวเกาหลีชอบใช้สิ่งที่เรียกว่า “Peeling pad” เป็นสำลีแผ่นบางๆ ชุบด้วยโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมในการผลัดเซลล์ผิว ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีให้เลือกเยอะตามท้องตลาด ต้องใช้ความพิถีพิถันในการเลือก

Toner – การใช้โทนเนอร์ ถือเป็นการเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไป และทำให้ครีมบำรุงต่างๆ ทำงานให้มีประสิทธิภาพและซึมเข้าสู่ผิวได้มากขึ้น ซึ่งส่วนผสมสำคัญในโทนเนอร์ที่ชาวเกาหลีชอบใช้ก็จะมี AHA, BHA และสารสกัดจากธรรมชาติที่เน้นในเรื่องของการเติมความชุ่มชื้น ต้านริ้วรอย และลดการเกิดสิว

Essence – ปรับสภาพผิวพร้อมบำรุง เอสเซนส์จะอยู่กึ่งกลางระหว่างการปรับสภาพผิวไปสู่การบำรุง ด้วยเนื้อสัมผัสที่บางเบาเหมือนน้ำ ลงที่ผิวบางๆ ไม่ต้องหนักแล้วตบเบาๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต แต่อุดมไปด้วยวิตามิน

✨ การรักษาเฉพาะจุด/ปัญหาบนผิวหน้า

Spots – หลายๆ คนใช้ครีมลดจุดด่างดำในขั้นตอนสุดท้าย แต่ชาวเกาหลีใช้หลังจากขั้นตอนลงเอสเซนส์ โดยแต้มบางๆ บริเวณที่มีจุดด่างดำแล้วนวดเบาๆ จนครีมเริ่มซึมเข้าไปจึงจะเริ่มใช้สกินแคร์ในขั้นต่อไป โดยชาวเกาหลีนิยมใช้ครีมลดจุดด่างดำที่มีส่วนผสมของ AHA ที่เข้มข้น ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดจุดด่างดำได้ดี

✨ การบำรุงผิวอย่างล้ำลึก

Serum – ถือเปป็นสเต็ปที่สำคัญสเต็ปหนึ่งเลย เพราะเซรั่มเป็นสกินแคร์ที่อัดแน่นไปด้วยส่วนผสมที่สำคัญเยอะแยะมากมายเลย เป็นการบำรุงอย่างเข้มข้นล้ำลึก เนื้อสัมผัสคล้ายเจล ถ้าเลือกใช้ที่เหมาะกับผิวของเราก็จะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด มีความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์ตัวใดตัวหนึ่งสูง เมื่อซึมเข้าสู่ผิวแล้วจะช่วยฟื้นฟูในด้านต่างๆตามคุณสมบัติของเซรั่มนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดและปัญหาของผิวที่เป็นที่กังวลใจของใครหลายคน

Age reverse cream – ริ้วรอยเป็นปัญหาผิวที่เกิดขึ้นได้ตั้งแต่อายุ 25 แล้ว บางคนอาจเกิดขึ้นช้าหรือเร็วกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวหน้าและฮอร์โมน แต่ริ้วรอยก็คือการที่ผิวส่งสัญญาณถึงเราว่ามีอายุมากขึ้นแล้ว และเมื่ออายุมากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะยิ่งมีริ้วรอยที่ลึกขึ้น คอลลาเจนในผิวที่ร่างกายผลิตเองได้ตามธรรมชาติเพื่อช่วยให้ผิวของเราเต่งตึงนั้นก็เริ่มทำงานช้าลงเรื่อยๆ ริ้วรอยโดยปกติแล้วมักจะเกิดขึ้นในบริเวณต่างๆบนใบหน้า เช่น บริเวณหน้าผากและหว่างคิ้ว บริเวณหางตา หรือที่เราเรียกกันว่ารอยตีนกา บริเวณมุมปากและจมูก หรือแม้กระทั่งเกิดริ้วรอยไปทั่วบริเวณใบหน้า เป็นริ้วรอยเล็กๆที่เริ่มก่อตัวเมื่อเวลาผ่านไป เกิดขึ้นได้ง่ายๆเมื่อเรามีการแสดงสีหน้าหรือแม้กระทั่งทำหน้าเฉยๆ ก็ตาม เพราะฉะนั้นริวร้อยเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มีปัจจัยหลักหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด บุหรี่ ผิวมีความแห้งมากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น และการนอนหลับไม่เพียงพอ ซึ่งวิธีแก้ปปัญหาที่หลายๆ คนรู้กันก็คือ การฉีดโบท็อกซ์ และการใช้ครีมลดเลือนริ้วรอย แต่ถ้ามีนวัตกรรมของครีมที่ใช้แล้วเปรียบเสมือนการโบท็อกซ์แบบไม่ต้องฉีดแล้ว อย่างตัว Promys AGE REVERSE & BRIGHTENING CREAM เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่กำลังอายุย่างเข้า 40+ ที่มีคอลลาเจนใต้ผิวหน้าน้อยลง ผิวขาดความยืดหยุ่น ขาดความชุ่มชื้นและเต่งตึง หากใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับอายุผิว ก็จะทำให้ได้ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

Brightening cream – บำรุงผิวหน้าเพื่อความกระจ่างใสและลดเลือดริ้วรอยแห่งวัย ในขั้นตอนนี้ควรพิจารณาการเลือกผลิตภัณฑ์ดีๆ ที่ให้ความชุ่มชื้นแต่บางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ เพื่อที่ระหว่างวันจะได้ไม่มีความมันส่วนเกิน

✨ การบำรุงผิวรอบดวงตา

Eye cream – เป็นขั้นตอนที่ไม่ควรมองข้าม เพราะใต้ตาเป็นส่วนที่บอบบาง เซนซิทีฟ และเกิดริ้วรอยได้ง่าย แถมในทุกๆวันเรายังต้องใช้สายตาเพื่อทำอะไรหลายๆ อย่างเป็นเวลาหลายชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นการเล่นโทรศัพท์ ทำงาน ดูโทรทัศน์ ล้วนแล้วแต่ต้องใช้สายตาและกล้ามเนื้อรอบๆ ดวงตาทั้งนั้น แต่หลายคนไม่ให้ความสำคัญกับครีมทาใต้ตาเพราะคิดว่าผลิตภัณฑ์อื่นๆก็นำมาทาได้ มันก็เหมือนกับเราเอาครีมทาหน้าไปทาตัวเพื่อแก้ปัญหาข้อศอกด้าน สามารถทำได้เหมือนกัน แต่ผลลัพธ์ต่างกัน เพราะประสิทธิภาพแล้วการแก้ปัญหาของสกินแคร์ตัวนั้นมีส่วนผสมที่ผลิตขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาผิวหน้า ไม่ใช่แก้ปัญหาข้อศอกด้าน

💥หลังจากนี้จะมาบอกถึงความรู้สึกที่ได้ลองใช้ผลิตภัณฑ์ของ Promys💥
หลังจากที่ลองใช้ครีมพรอมมิส (Promys) มาทั้ง 3 ตัว ได้แก่

• Promys ADVANCE MICELLAR CLEANSING WHIP FOAM
• Promys AGE REVERSE & BRIGHTENING CREAM
• Promys BRIGHT SUNSCREEN SPF50+ PA++++

ต้องบอกก่อนว่าปกติแล้วเป็นคนผิวแห้งและมีริ้วรอยบนใบหน้าอยู่พอสมควร บริเวณดวงตา ข้างแก้ม(ริ้วรอยแห่งการยิ้ม) จากการลองใช้มาพบว่าไม่เกิดอาการแพ้ใดๆ เรียกได้ว่าเป็นครีมสำหรับผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ เคยซื้ตัว Promys AGE REVERSE & BRIGHTENING CREAM มาใช้อยู่แล้ว รู้สึกว่าเนื้อครีมไม่หนักหนาแต่ทำให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น ช่วยฟื้นฟูผิวที่เหี่ยวย่นให้มีความกระชับมากขึ้น แต่งหน้าติดทนมากยิ่งขึ้น ต่อจากนี้จะมารีวิวอย่างละเอียดด้วยความรู้สึกของคนที่ใช้มาแล้วจริงๆ

✨ หลังใช้งานรู้สึกว่าผิวเป็นยังไง

หลังจากการได้ลองใช้งานครีมพรอมมิสอย่างเต็มรูปแบบแล้ว รู้สึกว่าผิวที่เคยแห้งกร้านมีความชุ่มชื้นมากขึ้น หน้านุ่มขึ้นจากการที่สัมผัสได้คือผิวมีความเด้งๆ เหมือนมีคอลลาเจนอยู่ใต้ผิว เนื้อผลิตภัณฑ์ซึมเข้าสู่ผิวรวดเร็วไม่ทิ้งความมันหรือเหนียวเหนอะหนะเลย

✨ เกิดการระคายเคืองหรือไม่

ไม่เกิดการระคายเคืองแม้ในช่วงที่ผิวเซนซิทีฟ จะเห็นได้ชัดจากเมื่อก่อนเวลาโดนแดดแล้วผิวจะขึ้นเป็นสีแดงๆ จากการไหม้แดดทำให้ผิวบาง หรือที่เรียกว่า sun burn อยู่บ่อยๆ จนกลายเปป็นคนผิวบาง แต่หลังจากได้ใช้ผลิตภัณฑ์ก็ทำให้ผิวเหมือนมีเกราะป้องกัน กล้าท้าแดดมากขึ้น ไม่กลัวที่จะทำกิจกรรมกลางแจ้งอีกต่อไป ไม่เกิดอาการแพ้หรือขึ้นผื่นแถมยังทำให้รู้สึกว่าผิวแข็งแรงขึ้นด้วย

✨ ริ้วรอยจางลงมากแค่ไหน

เรียกว่าค่อนข้างกระชับขึ้น และริ้วรอยตื้นขึ้น อาจไม่ได้หายไปเลยซะทีเดียว แต่ตื้นและจางลงมากขึ้น ถ้ามองผ่านๆ ก็อาจจะไม่เห็นว่ามีริ้วรอยบนใบหน้าเรา แต่ชอบความรู้สึกที่เวลาจับผิวหน้าตัวเองแล้วรู้สึกว่านุ่มเด้งขึ้น กระชับผิวที่เคยหย่อนคล้อยให้แลดูเต่งตึงขึ้น เหมือนมีคอลลาเจนอยู่ใต้ผิว

ปรึกษาเกี่ยวกับผิวฟรีได้เลยที่

• Tel. : 1577
• Line : https://lin.ee/ktZvhid หรือ @promys (มี @)
• Facebook : https://web.facebook.com/promysthailand
• ข้อมูลเพิ่มเติม : www.promysthailand.com